29 มีนาคม 2024
Latest:
update newsข่าวเด่นอาชญากรรม

อุทาหรณ์ ดญ.นักเรียน ม.1เล่นมือถือขณะชาร์จ ถูกไฟช็อตดับคาที่นอน มือเป็นรอยไหม้ดำ ยังกำมือถือไว้แน่น

*****ระยอง..ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 2 พ.ค.65พ.ต.ท.ชัยกฤต เตารัตน์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองระยอง รับแจ้งเกิดเหตุไฟช็อตคนเสียชีวิต ภายในบ้านในซอย 3 สวนมะลิ ถนนราษฎร์บำรุง ต.เนินพระ  จึงประสานแพทย์เจ้าหน้าที่นิติเวช รพ.ระยอง พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล เดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสีฟ้า พบมีคนยืนมุงกันอยู่ที่หน้าบ้าน

*****ตรวจสอบภายในบ้าน พบร่างของ ด.ญ.แก้ว (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองนอนเสียชีวิตคว่ำหน้าอยู่บนที่นอนที่ปูกับพื้น สภาพศพพบมือซ้ายมีรอยไหม้เกรียมยังกำมือถือที่ต่อสายชาร์จไฟกับปลั๊ก3ตาอยู่ ถอดปลั๊กออกแล้ว โดยพบสายชาร์จมือถือมีสภาพชำรุดขาดจนเห็นลวดทองแดงโผล่เห็นได้ชัดจน มือของผู้เสียชีวิตที่กำมือถือเป็นรอยไหม้จนนิ้วกลายเป็นสีดำ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลอื่นคาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง ก่อนจะนำศพส่งพิสูจน์ที่ รพ.ระยอง ท่ามกลางความโศกเศร้าของบิดาและมารดาที่ร่ำไห้ออกมาตลอดเวลา

*****จากการสอบสวนผู้เป็นแม่อายุ 31 ปี ให้การทั้งน้ำตา ว่า ลูกสาวมักชอบเล่นเกมและคุยกับเพื่อนทางมือถือ และ ชอบนอนดึกทุกคืน แม้ตนจะว่ากล่าวตักเตือนอยู่ประจำ แต่ลูกสาวไปเคยเชื่อฟังก่อนเกิดเหตุตนเองกับสามีเข้านอนตามปกติ ช่วงกลางดึกตนเองตื่นมาพบว่าลูกสาวนอนอยู่บนที่นอน คิดว่านอนหลับตามปกติ โดยไม่ได้สังเกต จนกระทั่งสามีตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าลูกสาวนอนแน่นิ่งไปแล้ว จึงมาบอกตนเอง พอมาเห็นว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว ก็แทบช็อก เสียใจจน ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าจะเสียลูกสาวไปก่อนวัยอันควร  หลังตั้งสติ สามีได้ตรวจสอบพบว่าถูกไฟช็อต เพราะโทรศัพท์ในมือลูกสาวได้เสียบชาร์จคาอยู่ โดยพบว่าสายชาร์จมือถือมีรอยไหม้ จึงรีบชักปลั๊กสามตาออกทันที  ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบพร้อมโทรบอกคุณครูประจำชั้นของลูกสาว

*****จากหลักฐาน เจ้าหน้าที่ปีระมวลเหตุการณืลงความเห็นว่าผู้ตายคงจะชาร์จมือถือแล้วเล่นไปด้วย จนเผลอหลับไป แล้วสายชาร์จเกิดไฟรั่วกระแสไฟจึงเจ้าสู่ร่างกายจนเสียชีวิต ทางครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการตาย แต่ถึงอย่างไรเจ้าหน้าที่จะสรุปตามผลการชันสูตรจากแพทย์ พร้อมฝากเตือนผู้ใช้มือถือ ว่าไม่ควรเล่นมือถือขณะชาร์จไฟไปด้วย เพราะเสียชีวิตมาแล้วหลายราย

     นิตยา  ทุมมานนท์/รายงาน