เครือข่ายกัญชาอัด “หมอชลน่าน” สร้างความหวาดกลัวให้สังคม หมกเม็ดกัญชาทางการแพทย์ ล็อคสเปกเอื้อกลุ่มทุน แต่ตัดสิทธิประชาชน ทั้งที่กูรูการใช้กัญชาคือ “หมอพื้นบ้าน” ขู่จัดชุมนุมใหญ่กดดัน
*****กรุงเทพฯ..ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวถึงกรณี นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ไม่ขัดข้องหากรัฐสภาจะนำ พ.ร.บ.กัญชาขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง แต่ต้องมีวิธีการใช้ว่าจะใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ ใช้และควบคุมอย่างไรเพื่อไม่ให้ผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ว่า ตนเห็นด้วยในเชิงเป้าหมายว่าการใช้กัญชาควรเป็นไปเพื่อการแพทย์และสุขภาพ แต่ต้องมานิยามว่า การแพทย์และสุขภาพคืออะไร ตรงนี้เป็นประเด็นใหญ่เพราะว่านิยามจะนำมาสู่รูปร่างหน้าตาของกฎหมาย เมื่อไหร่ก็ตามที่นิยามการแพทย์ว่าคือแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้นเมื่อนั้นความขัดแย้งจะตามมา
*****นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า ผู้ที่ใช้กัญชามาหลายร้อยปีคือหมอพื้นบ้าน แพทย์แผนไทย ไม่ใช่หมอแผนปัจจุบัน องค์ความรู้ในการใช้กัญชาอยู่ที่หมอพื้นบ้านและประชาชนผู้ใช้กัญชารักษาผู้ป่วย แต่พอถึงการกำหนดว่าใครเป็นผู้วินิจฉัยในการใช้กัญชากลับโยนไปให้แพทย์แผนปัจจุบันซึ่งส่วนใหญ่รังเกียจกัญชา นี่คือ การใช้ความรู้ศูนย์กลางเบียดขับความรู้ท้องถิ่นและนี่คืออำนาจเผด็จการอีกชนิดหนึ่งเพราะใครใหญ่คนนั้นก็ช่วงชิงการนิยามว่าอะไรคือความถูกต้อง และสำหรับประเทศนี้ท้องถิ่นถูกเบียดขับตลอดมาโดยเฉพาะการเบียดขับความรู้ การกำหนดกฎหมายและกติกาของประเทศนี้ใช้ความรู้ของศูนย์กลางเป็นสิ่งกำหนดตลอดมา นี่คือหัวใจของความเป็นเผด็จการที่ฝังลึก
*****เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวด้วยว่า ถ้า นพ.ชลน่านจะนิยามการแพทย์ว่าคือการแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้น ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นและนี่ไม่ใช่การแย่งชิงเรื่องกัญชาเท่านั้นแต่คือการเบียดขับความรู้ท้องถิ่นครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งอย่าคิดว่าประชาชนในท้องถิ่นจะยอมให้ส่วนกลางกดขี่อีกต่อไป เราก็มีสิทธิในการนิยามสรรพสิ่งในประเทศนี้เช่นกัน สำหรับตนแล้ว ข้อขัดแย้งหลังจากนี้ในการกำหนดเรื่องกัญชาคือ การนิยามคำว่าการแพทย์และสุขภาพคืออะไร ถ้า นพ.ชลน่านจะเลิกนิสัยการเบียดขับความรู้ของท้องถิ่น ก็จงเคารพระบบการรักษาของท้องถิ่น และโปรดอ่านตำราหมอพื้นบ้านบ้างว่า การสูบคือวิธีการรักษาชนิดหนึ่ง พร้อมย้ำว่า การสูบคือการรักษาในตำรายาหมอพื้นบ้าน อย่าดัดจริตเอาใจมวลชนแล้วตั้งข้อรังเกียจต่อการสูบกัญชาแต่ปล่อยให้มีการสูบบุหรี่ที่ก่อโรคมหาศาล ฉะนั้นอย่าดัดจริตเรื่องการสูบ มองการสูบเป็นของต่ำต้องคาบไปป์แบบพวกผู้ดีใช่ไหมจึงจะเป็นอารยชน
***** “วิธีการจัดการกับการสูบคือการกำหนดพื้นที่เพื่อมิให้รบกวนผู้อื่นไม่ใช่มาดัดจริตว่าการสูบคือวิธีการชั่วร้าย นี่ก็ถือเป็นการช่วงชิงการนิยามอีกชนิดหนึ่ง เมื่อคาบอยู่ในปากของพวกมันคือสิ่งดี แต่คาบอยู่ในปากประชาชนเป็นสิ่งร้าย เกมส์ของ หมอชลน่านคือ ตัดสิทธิประชาชนแล้วให้แพทย์เป็นคนจ่ายและที่มาของกัญชาจะกำหนดสเปกที่กลุ่มทุนของพวกเขาที่จะมีสิทธิ สันดานของพรรคเพื่อไทยดูได้จากพฤติกรรมของ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาที่พูดในสภาด่ากัญชาสาดเสียเทเสีย บอกว่าคนเชียงรายไม่เอากัญชา สุดท้ายตัวเองถือหุ้นบริษัทกัญชา มี สส. เพื่อไทยบางคนมากระซิบผมว่าอยากตัดมาตรา18 ออก มาตรา18 คือ สิทธิที่จะให้ประชนปลูกได้ เพราะพวกมันต้องการคุมให้กลุ่มทุนทำได้เพียงกลุ่มเดียว คล้ายกับธุรกิจเบียร์ หมอชลน่านเพียงอาศัยความหวาดกลัวของประชาชนดึงกัญชาสู่มือกลุ่มทุนการตัดสิทธิของประชาชนคือความสารเลว”เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าว
*****นายประสิทธิ์ชัย กล่าวอีกว่า เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เราก็คงต้องเตรียมจัดการชุมนุม เพราะกัญชามูลค่าแสนล้านสุดท้ายพวกเขาก็จะเอาไปอยู่ในมือของพวกกลุ่มทุนพวกเดียวกันอีกเช่นเคย การต่อสู้ครั้งนี้จึงมิใช่เพียงเพื่อกัญชาเท่านั้นแต่คือการต่อสู้ในการนำความรู้ของท้องถิ่นให้มีสิทธิในการกำหนดกติกาของประเทศ และวันที่ 23 กันยายน นี้ เครือข่าย ฯ จะชวนระดมความเห็นทำ พ.ร.บ.กัญชาที่ จ.กระบี่ เราจะนำเรื่องนี้เข้าหารือ เพื่อะกำหนดเป้าหมายของกัญชาไทย และเรื่องอะไรบ้างที่เราควรบรรจุไว้ใน พ.ร.บ. กลไกและข้อปฏิบัติต่างๆ ควรเป็นอย่างไร