ครือข่ายกัญชาเดือด “หมอชลน่าน” จะตัดสิทธิชาวบ้านปลูกกัญชา เตรียมชุมนุมใหญ่คัดค้านคืนความมั่นคงทางยาให้ประชาชน

*****กรุงเทพฯ..ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข จะปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง จากร่างกฎหมายเดิมที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย โดยจะเน้นใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ ไม่ให้มีการใช้เพื่อสันทนาการ และไม่อนุญาตให้มีการปลูกบ้านละ 15 ต้น ทั้งจะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข นำบางส่วนของกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดนั้นว่า เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ไม่เห็นด้วยกับนโยบาย รมว.สาธารณสุข ที่จะตัดสิทธิการปลูกกัญชาเพื่อความมั่นคงทางยาของประชาชน และเราจะรวมตัวกันกำนดท่าทีในการชุมนุมคัดค้านนโยบายดังกล่าวในวันที่ 26 กันยายนนี้

*****นายประสิทธิ์ชัย ยังได้ตั้งคำถามถึงวงการแพทย์ว่า ที่ผ่านมาพวกคุณรังเกียจกัญชาเหมือนสิ่งแปลกปลอม ซึ่งพวกคุณไม่เคยเห็นหรือจับต้องแม้กระทั่งต้นกัญชา พวกคุณไม่เคยแม้จะลิ้มลองกัญชาหรือใช้ในการรักษาผู้ป่วย แต่พวกคุณกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะผู้เชี่ยวชาญของประเทศนี้ดูที่วุฒิการศึกษา ไม่ได้ดูที่ว่าคุณรู้จริงเรื่องนั้นหรือไม่ ขอย้ำว่าพวกคุณไม่มีสิทธิ์มากีดกันประชาชนจากการใช้กัญชาเพื่อการรักษาถ้าจะกังวลว่ากัญชาจะเกิดผลทางลบ ควรกลับไปกังวลกับยา ความดัน เบาหวาน ของพวกคุณเถอะที่กินกันจนตายก็ยังไม่เคยหายแถมยังตายด้วยโรคไต

***** “ตกลงยาของใครที่ทำร้ายประชาชนอยู่ทุกวันนี้ ตอบหน่อยสิครับท่านผู้เชี่ยวชาญ ที่พยายามจะนิยามเรื่องกัญชาการแพทย์เลิกดัดจริตได้แล้วครับ พวกคุณเพียงอยากนิยามเพื่อสร้างกลไกให้พวกคุณมีอำนาจในการวินิจฉัยก็เท่านั้นเอง หมอพื้นบ้านใช้กัญชารักษาคนหายมานับพันกลายเป็นหมอเถื่อนหมอแพทย์ปัจจุบันรังเกียจกัญชากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญกัญชา กลับมากำหนดกัญชาที่ข้อเท็จจริงเถอะครับ” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

*****ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเป็นองค์กรหนึ่งที่สามารถชี้นำคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดได้ ซึ่งหากมีการพิจารณาเห็นชอบแล้วจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงบัญชียาเสพติดก็ต้องผ่าน ป.ป.ส. ที่มีท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อีกชั้นหนึ่ง คำถามคือว่า หากเป็นยาเสพติดแล้ว การควบคุมโดยร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ก็อาจจะซ้ำซ้อนหรือไม่สอดรับกันด้วย จึงต้องไปพิจารณาเพื่อหามาตราควบคุมอย่างไรให้เหมาะสม

***** “ปัจจุบันแม้ไม่ประกาศส่วนที่เป็นยาเสพติดเพิ่ม การควบคุมก็มี พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 อยู่แล้ว มีมาตราควบคุมช่อดอกอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ สามารถออกมาตราให้เข้มข้นขึ้นได้ รวมถึงทำให้เกิดการบังคับใช้ทางกฎหมายอย่างจริงจัง เพียงแต่บทลงโทษอาจไม่รุนแรงเท่าการมีพ.ร.บ.เฉพาะ ซึ่งหากต้องการบทลงโทษเหมือนยาเสพติดตามที่สังคมห่วงใย ก็สามารถเพิ่มโทษในร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นทางที่เหมาะสมมากกว่า” นายปานเทพกล่าว