เกษตรกรเมืองนครฯรวมตัวยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯเร่งจัดการแก้ไข หลังราคาลดเหลือต่ำกว่า 10บาท
***นครศรีธรรมราช..ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเกษตรกรชาวสวนมังคุดในพื้นที่ อ.พรหมคีรี และใกล้เคียงรวมตัวกัน ที่หน้าที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี โดยมีแกนนำ 6คน ประกอบด้วยนายรังสิต เฉลิมวรรณ นายกเทศมนตรีตำบลพรหมโลก นายจิตรธรรม บุญญาธิการ อดีต ส.อบจ.เขต อ.ฉวาง,นายสงวน แสงวิจิตร นายกิตติศักดิ์ พละศึกนางกันตนา พันธรักษ์และนายโกเมศ นนทมิตร มีการนัดเกษตรกรชาวสวนมังคุดมาร่วมลงชื่อ กว่า 700 คน และยื่นหนังสือถึง ผวจ.นครศรีธรรมราช เรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนมังคุด
*** เนื่องจากขณะนี้หลายพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช มีผลผลิตมังคุดออกจำนวนมาก ที่ผ่านมามีการรับซื้อมังคุดจากพ่อค้าเฉลี่ยราคา กก.ละ50-55บาท เป็นราคาที่เกษตรกรพึงพอใจ แต่ปรากฏว่าขณะนี้ราคากลับดิ่งลงเรื่อยๆเฉลี่ยเหลือราคาไม่ถึง กก.ละ 15 บาท บางครั้งก็ไม่ถึง10 บาท ทำให้เกษตรกรมีความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกษตรกรชาวสวนมังคุดต้องมีต้นทุนการผลิตไม่ต่ำกว่ากก.ละ 30 บาทและค่าจ้างเก็บอีกประมาณ กก.ละ7-10บาท จึงอยากให้ทางจังหวัดประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการแก้ไขปัญหาราคามังคุดตกต่ำด้วย
***นอกจากนี้ยังมีตัวแทนเกษตรกรชาวสวนมังคุดระบุอีกว่า มีล้งเข้ามาตั้งจุดรับซื้อใน อ.พรหมคีรีเกือบ50ล้ง แต่ปรากฏว่ากลับมีเพียง 2 ล้งที่เปิดรับซื้อมังคุดจากเกษตรกร ส่วนล้งที่เหลือกลับไม่มีการรับซื้อมังคุดจากเกษตรกรชาวสวนมังคุดในพื้นที่ กลับกลับมีมังคุดจากจังหวัดอื่นไหลเข้ามาแพค/สวมสิทธิ์เพื่ออ้างว่าเป็นมังคุดของ จ.นครศรีฯ โดยเวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตีสอง จะมีรถรั้ว วิ่งบรรทุกมังคุดมาสู่ล้งใน อ.พรหมคีรี จึงขอให้จังหวัดเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วย ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนมังคุดกล่าว
***ต่อมานายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เดินทางมาพบปะกลุ่มเกษตรกรชาวสวนมังคุดและเชิญตัวแทนชาวสวนมังคุดและตัวแทนส่วนราชการและตัวแทนล้งรับซื้อมังคุดขึ้นไปประชุมปรึกษาหารือกันอย่างเคร่งเครียดในห้องประชุมชั้น2 ที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี โดยมีการให้ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนมังคุดทั้ง6คนผลัดเปลี่ยนกันถกปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่นายกว่า 2ชม.จากนั้นนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้รับหนังสือร้องเรียนและรายชื่อเกษตรกรจำนวนกว่า 700คนจากตัวแทนเกษตรกรชาวสวนมังคุด
***นายไกรศร ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงข้อสรุปหลังการประชุมร่วมกันว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชได้กำหนดเป็นมาตรการที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในเบื้องต้นเฉพาะหน้าที่พูดคุยกัน 5 ประการด้วยกันคือ1.นัดประชุมผู้ประกอบการรับซื้อมังคุดหรือล้งในพื้นที่ โดยแบ่งให้แต่พื้นที่แต่ละอำเภอ ให้นายอำเภอและส่วนที่เกี่ยวข้องนั้นคุยทำความเข้าใจว่าเรื่องของราคาที่เปิดรับซื้อแต่ละวันขอให้มีความแน่นอนชัดเจน และเรื่องการที่ล้งจะมีการปิดรับซื้อมังคุดโดยที่ไม่ทราบล่วงหน้านั้นขอให้มีการแจ้งล่วงหน้าให้เกษตรกรชาวสวนมังคุดด้วย เพื่อชาวสวนมังคุดได้จะได้ทราบล่วงหน้า และปิดราคารับซื้อให้ชัดเจนในช่วงเช้าไม่ใช่ช่วงบ่าย
***ประเด็นที่ 2 แรงงานที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่แล้วประมาณ3-4พันรายของผู้ประกอบการประมาณ60กว่าล้งนั้น กับมาตรการส่งออกจริงๆนั้นยังไม่เพียงพอยังขาดแรงงานอีกเยอะอันเนื่องมาจากอุปสรรคของการแพร่ระบาดของโรคโควิด จังหวัดก็ได้เตรียมแก้ไขปัญหาเรื่องแรงงานก็คือการประสานทหารหรือหน่วยงที่เกี่ยวข้องที่สามารถสนับสนุนแรงงานเข้ามาช่วยผู้ประกอบการมังคุดได้ กำลังอยู่ระหว่างประสานงานก็คาดว่าน่าจะได้ในระดับหนึ่ง
ประเด็นที่ 3ในเรื่องของผู้ประกอบการติดขัดในเรื่องโลจิสติกของตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งออกแล้วกลับมาไม่ได้อันนี้ตนกำลังประสานหน่วยเหนือให้ช่วยดูเรื่องนี้เพื่อคลี่คลายให้
***ประการที่ 4ทางจังหวัดรับที่จะดำเนินการส่งเสริมทางการขายให้สอดคล้องการผลผลิตในพื้นที่ บ้างก็จะเป็นการขายออนไลน์ บ้างก็จะเป็นการประมูล บ้างก็จะสนับสนุนในเรื่องแพ็คกิ้งในการบรรจุหีบห่อส่งทางไปรษณีย์หรือช่องทางอื่นๆให้มีค่าระวางที่ถูกลงและจัดลานเทหรือลานตลาดมังคุดเป็นการส่งเสริมการขายตามลักษณะพื้นที่ของเกษตรกร
และประการที่ 5ก็คือคิดว่าจะขอใช้เงินของกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ที่จะดูแลผลผลิตตกต่ำเป็นค่าระวาง กก.ละ3บาทซึ่งรายละเอียดตรงนี้จะต้องมาตกลงกับพี่น้องเกษตรกรว่าใช้จ่ายเงินตรงนี้จะเป็นอย่างไร เบื้องต้นทราบว่ากรมการค้าภายในอนุมัติมาแล้ว1พันตัวเป็นวงเงิน3ล้านบาท แต่ทราบว่าเกษตรกรร้องขอไป1หมื่นตัน ซึ่งทางจังหวัดจะทำหนังสือขออนุมัติเพิ่มเติมไปต่อไปแล้วคาดจะมีความคืบหน้าแน่นอน.
***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อเย็น24 ก.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ‘ธนภัทร พงศ์สกุล’ ได้เผยแพร่ภาพสด (ไลฟ์) ขณะเกษตรกรชายรายหนึ่ง คาดว่าเป็นเจ้าของสวนมังคุด กำลังนำผลมังคุด น้ำหนักกว่า 300 กก. เทลงบนพื้นถนนสายลานสกา-จันดี ด้านหน้าที่ทำการ อบต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้รถที่วิ่งผ่านไปมาเหยียบทับ หลังรู้สึกผิดหวังกับราคาที่นำผลมังคุดไปขายให้พ่อค้าที่รับซื้อ แต่ได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น ยังไม่เพียงพอต่อการจ่ายค่าจ้างให้แก่แรงงานเก็บที่ราคากิโลกรัมละ 10 บาทจนเป็นที่ฮือฮาในโลกโซเซีย
