update newsข่าวเด่นบทความ

สกู๊ปพิเศษ..อาชญากรรม

*****แก๊งมังกรจีนยึดประเทศไทยทำธุรกิจผิดกฎหมาย ท้าทายอำนาจรัฐนับเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงยิ่งนัก..

*****เพราะแก๊งคนจีนเหล่านี้จะใช้ช่องโหว่ของกฎหมายและความหย่อนยานของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบบางคนบางหน่วยงานดำเนินกิจการจนปิกกล้าขาแข็งเข้าไปมีบทบาททางการเมืองฟอกตัวเองจนอยู่อย่างสุขสบาย

*****กระทั่ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้คร่ำหวอดในวงการ เป็นห่วงบ้านเมืองออกมาโพสต์แนะตั้ง “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมจีน” หากไม่อยากปวดหัวกับแก๊งทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยได้ระบุข้อความว่า หากไม่ตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมจีน อย่างที่ผมแนะนำไป จะต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับ “แก๊งกุมารมังกรจีน” เมืองไทยคือเป้าหมายหลัก เพราะความอ่อนแอของระบบราชการ คอร์รัปชัน ต่อไปจะเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมจีนที่แฝงตัวเข้ามาทุกรูปแบบ

*****คลิปนี้ สังเกตดูที่พื้นพรม ผนัง เพดาน แท้จริงแล้วคือสถานที่เดียวกันกับ “ผับอัปยา” พื้นที่ สน.ยานนาวา ที่ตำรวจเพิ่งบุกไปรวบพร้อมยาเสพติดเมื่อคืนวาน (ภาพเปรียบเทียบอยู่ในคอมเมนต์ใต้โพสต์) สภาพเป็นบ่อนสมบูรณ์แบบ คนเล่นพูดภาษาจีน พนักงานเป็นคนจีน

*****แต่โต๊ะกับอุปกรณ์ถูกขนออกไปเพียง 1 วันก่อนตำรวจบุกจับ เพราะมี “พรายกระซิบ” ไม่งั้นงานนี้ป่นปี้มากกว่าเดิม เพราะครบวงจรทั้ง บ่อน ผับ ยา สถานที่แบบนี้เป็นแหล่งอาชญากรรมซ่องสุมของคนจีนโดยเฉพาะ ทั้งเสพ ทั้งค้ายาเสพติด โดยแยกออกจากคนไทยเพื่อให้แน่ใจว่าปิดปากได้ 100%

*****คลิปนี้สายลับจีนส่งมาให้ไม่นาน เพราะเครือข่ายเยาวราชของผมยังมีอยู่ สภาพหรูหรา อุปกรณ์ โต๊ะ คอมพิวเตอร์ครบครันอย่างกับบ่อนมาเก๊า แต่ที่แท้อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เมืองพุทธของเรานี่เอง

*****คลิปเด็ดยังมีอีกมาก ทั้งดูด ทั้งดมในผับ ที่อ้างว่าไม่มีหลักฐาน เดี๋ยวจัดให้ เรื่องเปิดดึกเรื่องเล็ก แต่เล่นขายยาในเมนู ทำอย่างกับในหนัง Narcos มันมากไป ตำรวจไทยอย่าไปหลงเงินหยวนมากนัก ข้อมูลผมมี แต่อยู่ที่คำถามเดิม คือจะเอาจริงหรือตีกิน?

*****เป็นคำถามที่ผมถามซ้ำๆ มาเป็น 10 ปีแล้ว กับตำรวจทุกยุค ยิ่งครั้งนี้ลูกค้าเป็นคนจีน 100% ทุนหนา จ่ายไม่อั้น คนจีนเปิด คนจีนจ่าย คนจีนเล่น กฎหมายไทย ใช้ไม่ได้กับคนจีนหรือครับ? มันช่างน่าอายเสียแท้ๆ”

*****ขณะที่แหลงข่าวนายตำรวจผู้คลุกคลีการสืบสวนแกะรอยแก๊งมังกรจีนมาอย่างโชกโชน ฟันธงตรงกันว่า เรื่องคาราโอเกะจีน มีข้อสังเกตุ เห็นด้วยกับ “นายชูวิทย์” เป็นอย่างยิ่ง..

*****เพราะลักษณะและสภาพ ปิดบัง ซ่อนเร้น รู้เฉพาะกลุ่มคน ไม่มีป้ายร้านค้า ไฟส่องสว่างด้านหน้าเลย จึงไม่ใช่บันเทิงสาธาระณะแน่นอน อีกทั้งในร้านมีห้องโถงใหญ่ สภาพคล้ายมีโต๊ะตั้งได้แล้วยกโต๊ะออกไป มีบุผนังห้องเรียบร้อย ( ตามภาพในวีดีโอ ) ถ้าเป็นโอเกะ ต้องมีขายอาหาร มีช้อน มีชาม แต่ตามภาพ ไม่มี

*****ที่สำคัญถ้าเป็นโอเกะ ต้องมีการดื่มเหล้า น้ำ จำนวนแก้วต้องมากกว่าคน 300 กว่าใบ ( เพราะมีคนเกือบ 300 ) แต่ ตามภาพไม่มีแก้ว ถ้าเป็นโอเกะ ต้องมีพนักงานนั่งดริ๊ง จำนวนมาก แต่ตามภาพไม่ปรากฏ ถ้าเป็นโอเกะ ห้องโถงใหญ่ ต้องมีจอโอเกะ ขนาดใหญ่ ตามภาพไม่มี

*****นอกจากนั้นถ้าเป็นโอเกะ มีห้องโอเกะอยู่ไม่ถึง 20 ห้อง แล้ว คน 200 เกือบ 300 นั่งกันที่ไหน  เอาไปนั่งให้ดูหน่อยครับ และถ้าเป็นโอเกะ  ดื่มเหล้า พี้ยากัน  ตีสาม จะตีสี่แล้ว ไม่มีคนเมาเหล้าเมายาเลยเหรอ คอแข็งขนาด และตรวจพบคนพี้ยาแค่ 104 คนเอง ที่เหลือเข้าไปทำอะไรกัน

*****เคยเห็นเหรอ ตำรวจระดับ ผบช.นำกำลังจับโอเกะตอนตีสามกว่า นั่งรอเวลาทำอะไร ผิดชัดเจนขนาดนั้น รออะไรครับ ได้สอบสวนรายคนไหมว่าเข้าไปทำอะไร ตรงไหน ไปกับใคร ไม่ต้องสอบทั้งหมด เอาแค่บางส่วนก็พอ จะได้รู้ว่าใครโกหก

*****ส่วนเรื่องแปลงชาตินั้น  ขั้นตอนการตรวจสอบควรสังคายนาบ้าง รูปแบบนะดี แต่รายละเอียด และความลึกซึ้ง ต้องชัดเจน เป็นปัจจุบัน ไม่ใช่ตรวจสอบกับหน่วยที่มีข้อมูลดักดาน นานหลายสิบปี .

*****ส่วนข้อมูลในเชิงลึกพบว่าคนจีนเดินทางเข้าประเทศไทยที่ประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่จะเข้ามา เข้ามาท่องเที่ยว เข้ามาอยู่ในความอุปการะของคนไทย และเข้ามาประกอบอาชีพ และทำงาน

*****ชาวจีนทั่วไปไม่ต้องพูด ประเภทนี้มีปัญหาน้อยมาก ถ้ามาท่องเที่ยวจริง จะเกี่ยวกับอาญากรรมน้อยมาก  แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรม เป็นอีกเรื่องอีกกรณี

*****ตามแนวทางการสืบสวนพบว่า ก่อนจีนเฟื่องฟู คนกลุ่มนี้เข้ามามาก เป็นลูก เป็นเมีย เป็นผัว เป็นญาติ แต่งงานกับคนไทย พิสูจน์สัญชาติไทย พอจีนดีขึ้นกลุ่มนี้จะซาไป

*****ส่วนอันนี้มีปัญหามากๆๆ ไม่พูดถึงกลุ่มที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนนะ ถือว่าเป็นชั้นสูงไปละกัน นั่นคือกลุ่มที่เข้ามาประกอบอาชีพ ( แยกออกจากแรงงาน พม่า ลาว และกัมพูชา ) พวกนี้เข้ามาตาม กฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.การบริหารจัดการการทำงานคนต่างด้าว พ.ศ.2560 กับพ.ร.บ.การประกอบธุระกิจคนต่างด้าว พ.ศ.2542

***** โดย พ.ร.บ.มีเนื้องหาพอได้สรุปว่า คนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ที่มีทุนจดทะเบียนบริษัท 1 ล้านบาทขึ้นไป และคนไทยถือหุ้น 51%ขึ้นไป สามารถนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานได้ 1 คน ถ้าจะเอาคนที่ 2 ทุนต้องเป็น  2 หรือ 3 ล้าน หลักเกณเปลี่ยนเรื่อย จำไม่ได้แล้ว

*****จะเห็นว่า บริษัทพวกนี้ จะแขวนป้ายตามห้องแถว อพาร์ตเม้นต์ ห้องเช่า คนโด  มีแต่ป้าย ตามระเบียบต้องมีโต๊ะกี่ตัว พนักงานไม่ต่ำกว่า 5-7คน นี่มีแต่ห้องพักอาศัยธรรมดา  สังเกตจากสิ้นปีบริษัทพวกนี้จะยื่นบัญชีรับจ่ายประมาณ 2 แสนขึ้นไปไม่ถึงล้าน

*****บางบริษัททุนจดทะเบียนเป็นสิบๆล้าน เพราะต้องการเอาพรรคพวก ญาติสนิท มิตรสหายเข้ามาอยู่ด้วย  แต่บริษัทเป็นห้องเช่า หรือสำนักงานทนายความ หรือบริษัททัวร์เล็กๆ จะเห็นแขวนป้ายซ้อนกัน 4-5 บริษัท  บริษัทประเภทนี้อายุไม่ยาวมาก 3-5 ปี ( ส่วนมากก็จะเลิกไปเพราะคนจ่ายเงิน เลิกไป หรือ หนีไปอยู่ที่อื่น )

*****ถามว่าเขาจดทะเบียนทำไม ตอบว่า เพื่อสามารถอยู่ในประเทศไทยแบบปีต่อปี และประการสำคัญคือใช้การันตีว่าตนเองเป็นนักธุระกิจ แสดงในสังคมทั่วไป และการันตีรองรับเมื่อต้องการเดินทางไปต่างประเทศ เพราะบางประเทศต้องแสดงหลักฐานการเงินรองรับ เขาจึงให้เข้าประเทศเขา

***** นอกจากนั้นถ้าอยู่ติดต่อกัน 3 ปี สามารถยื่นขอมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยได้อีก และถ้าอยู่ติดต่อกันครบ 10 ปี จะขอแปลงสัญชาติไทยได้ด้วย และคนพวกนี้แหละครับที่จะก่ออาชญากรรม เพราะอยู่นานรู้ช่องทาง ทางหนีทีไร่ ก็จะบริการร่วมมือกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเพื่อกิจการอื่น ๆ และบางส่วนพวกนี้ก็นำพาเข้ามาในหลากหลายกิจกรรม

*****นอกจากการฟอกตัวเป็นนักธุระกิจแล้ว  ขั้นต่อไปคือการเข้าสังคนโดยการตั้งสมาคม เนื่องจากสมาคมจีนในไทยมีเยอะมากทั้ง ตระกูลแซ่ต่างๆ  สมาคมตามถิ่นฐานเดิมในเมืองจีน ตำบล อำเภอ หรือเผ่าพันธ์ เช่น แต้จิ๋ว ไหหลำ ฮกเกี้ยน,,,,มากมาย

 *****จึงใช้เป็นเพียงเกราะทางสังคมเท่านั้น  ขณะเดียวกันจะไปเข้ากับสมาคมที่มีคนรุ่นใหม่ๆ เพราะตรงนี้มีทางซิกแซ็กมากกว่า เข้าถึงเป้าหมายรวดเร็ว ซึ่งในวงการรู้กันดี

ขอบคุณภาพ เฟซบุ๊กกองสารนิเทศ ตร.