ข่าวพระราชสำนักข่าวเด่น

องคมนตรี เชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมกับติดตามการดำเนินงานสนองพระราชดำริในแม่ฮ่องสอน

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2563 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ และคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำแม่สะกืด(ม่อนตะแลง)อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านผาบ่อง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ จำนวน 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 336 รวมทั้งสิ้น 210 ชุด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหาร และตำรวจ ผู้ทำหน้าที่พิทักษ์ ดูแลป้องกันรักษาความมั่นคง และความสงบสุขให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ

โอกาสนี้ได้รับฟังการบรรยายสรุป ด้านความมั่นคงในพื้นที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับติดตามการดำเนินงานสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ของโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะกืด(ม่อนตะแลง)อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการน้ำในลักษณะเครือข่ายน้ำ โดยก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2523 เดิมเป็นโครงการฝายห้วยแม่สะกืดตามพระราชดำริ เพื่อจ่ายน้ำไปยังพื้นที่เพาะปลูกทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำปาย เนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่ และมีพระราชดำริเพิ่มเติม ในปี 2527 ให้กรมชลประทานพิจารณาจัดการน้ำให้ราษฎรบ้านม่อนตะแลง และก่อสร้างระบบส่งน้ำสนับสนุนอ่างเก็บน้ำ รวมทั้งพื้นที่เพาะปลูกในบริเวณศูนย์ท่าโป่งแดงฯ และบ้านห้วยเดื่อ ทำให้ปัจจุบันราษฎรมีน้ำทำการเพาะปลูกทั้งฤดูฝนฤดูแล้ง และมีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ตลอดปี นอกจากนั้นยังเป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการน้ำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริ ในระบบอ่างพวง โดยจะเก็บน้ำจากอ่างห้วยแม่ฮ่องสอน แล้วส่งน้ำสนับสนุนให้แก่อ่างเก็บน้ำลูกข่ายอีก 4 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำใกล้รุ่ง อ่างเก็บน้ำจองจาย อ่างเก็บน้ำอัสดง และอ่างเก็บน้ำสายแล นับเป็นการบริหารจัดการน้ำที่สมบูรณ์ทั้งการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ยังรวมถึงการประมง ปศุสัตว์ และรักษาระบบนิเวศน์ให้มีความสมบูรณ์ควบคู่กับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของราษฎรอีกด้วย

จากนั้น องคมนตรีและคณะฯ พบปะพี่น้องประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ และร่วมปล่อยพันธุ์ปลาลงสู่อ่างเก็บน้ำ พร้อมกับปลูกต้นไทรย้อยใบแหลมสำหรับให้ราษฎรร่วมกันดูแลรักษาให้เติบโตเป็นร่มเงาและศูนย์รวมใจต่อไป

ในช่วงบ่าย เชิญสิ่งของพระราชทานจำนวน 143 ชุด ไปมอบแก่ราษฎร ณ โครงการอนุรักษ์แหล่งพันธุกรรมไม้สักและพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบริเวณป่าลุ่มน้ำของ-ลุ่มน้ำปายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่บ้านห้วยซลอบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน รับฟังการบรรยายสรุปถึงผลการดำเนินของโครงการอนุรักษ์แหล่งพันธุกรรมไม้สักและพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบริเวณป่าลุ่มน้ำของ-ลุ่มน้ำปายฯ ซึ่งเป็นโครงการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขอพระราชทานเพื่อป้องกันรักษาป่าไม้สักแหล่งสำคัญของประเทศไทย รวมถึงทรัพยากรในพื้นที่ไม่ให้ถูกบุกรุกทำลาย พร้อมกับพระราชทานชื่อป่าสักแห่งนี้ว่า “ป่าสักนวมินทรราชินี” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย มีเนื้อที่ 215,000 ไร่ และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งขวาตอนล่างและเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งซ้ายตอนล่าง 95,750 ไร่ เนื้อที่รวม 310,750 ไร่

จากการประเมินโครงการฯ ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือสำนักงาน กปร. พบว่าผืนป่าแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น มีพันธุ์ไม้ถึง 216 ชนิด พรรณไม้เด่นในพื้นที่ 10 อันดับแรก ได้แก่ สัก แดง ไผ่ซาง รกฟ้า งิ้วป่า กระพี้จั่น ขางหัวหมู ไผ่บง อ้อยช้าง และตะแบกเลือด และในพื้นที่ 1 ไร่ มีไม้สักธรรมชาติถึง 18 ต้น นับได้ว่า เป็นผืนป่าที่มีไม้สักขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ทั้งคุณภาพและปริมาณมากที่สุดของประเทศ นอกจากนี้ ยังพบว่าหลังจากการพัฒนาพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงาน กปร. ทำให้สามารถปกป้องรักษาพื้นป่าสักแห่งนี้ให้คงอยู่ควบคู่กับการสร้างสำนึกรักและหวงผืนป่าของราษฎรในพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันได้มีการจัดการให้พื้นที่ป่าแห่งนี้ เป็นสถานที่เรียนรู้ ขยายผลและเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ราษฎรให้มีความมั่งคงในชีวิตอีกด้วย

จากนั้น องคมนตรีและคณะฯ ร่วมปลูกต้นไทรย้อยใบแหลมในพื้นที่โครงการฯ และบำรุงต้นกะพี้จั่นที่ปลูกไว้เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2557 ที่มีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังปลูกหญ้าแฝกร่วมกับราษฎรอาสาพิทักษ์ป่าเพื่อป้องกันชะล้างพังทลายของหน้าดิน

องคมนตรี ได้กล่าวชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในความมุ่งมั่น เอาใจใส่ และความตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อร่วมกันสืบสาน รักษา ต่อยอด พัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้มีความเจริญรุ่งเรืองเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและประเทศชาติ สมดังประราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว