update newsข่าวอปท.ข่าวเด่น

กบร.พัทลุงจัดที่ดินรัฐขจัดความยากจน

พัทลุง..0 กรณีที่กลุ่มชาวบ้านเข้าไปไปถือครองที่ดิน “ควนท่าสำเภาสาธารณประโยชน์ “ จำนวน 3,727 ไร่เศษ เพื่อสร้างเป็นที่ทำกินมากกว่า 3,500 ไร่ มานานกว่า 10 ปี จนชาวบ้านร้องเรียนไปยัง พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธ์ ผวจ.พัทลุง มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายพงศ์เทพ ประทุมสุวรรณ นายอำเภอเมืองพัทลุง แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเข้าไปจับจองถือครองทำประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ดังกล่าว

จากการตรวจสอบฯสรุปผลได้ว่ามีประชาชนใน  ต.ชัยบุรี  ต.ลำปำ  และนอกพื้นที่  เข้ามาจับจองถือครองทำประโยชน์รวมทั้งสิ้น  411  ราย  จำนวน  574  แปลง เนื้อที่ประมาณ  3,421 ไร่  โดยไม่พบรายชื่อผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่  เข้าไปจับจองถือครองฯแต่อย่างใด  ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุงรายงานว่าเมื่อตอนบ่ายวันที่ 8 ต.ค. นายกู้เกียรติ  วงศ์กระพันธุ์  ผวจ.พัทลุง  เป็นประธานในการประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหากาบุกรุกที่ดินของจังหวัดพัทลุง(กบร.พัทลุง) ที่ประชุมมีมติให้นำ“โครงการจัดที่ดินของรัฐ ขจัดความยากจน “ นำมาแก้ไขการบุกรุกที่ดินดังกล่าว  โดยได้มอบหมายให้  อบต.ทั้ง 2 แห่ง  เสนอโครงการผ่านนายอำเภอเมืองพัทลุงเพื่อส่งไปยังผวจ.พัทลุง  จากนั้นก็จะส่งไปยังกระทรวงมหาดไทยโดยผ่านกรมที่ดิน ขอจัดทำโครงการจัดที่ดินของรัฐ ขจัดความยากจน   และขออนุมัติงบประมาณในการดำเนินงาน ทางกระทรวงมหาดไทยก็จะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อจัดทำที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรยากจน  ราษฎรผู้เดือดร้อน  และราษฎรที่ไม่มีที่ทำกินต่อไป  ผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินให้เข้าถือสิทธิ์ครอบครองจะต้องเสียค่าเช่าแก่ อบต.ตามหลักเกณฑ์ของทางราชการที่กำหนดไว้

ขณะเดียวกันนั้นทางจังหวัดก็จะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดสรรที่ดิน  เพื่อกำหนดเงื่อนไข  และคัดเลือกบุคคลที่จะเข้าไปทำกินในที่ดินแปลงดังกล่าว  ซึ่งผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกก็ให้ผู้ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ฯ แจ้งให้บุคคลดังกล่าวออกจากพื้นที่โดยทันทีภายใน  30 วัน หากขัดขืนก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด  ซึ่งบุคคลเหล่านี้น่าจะประกอบไปด้วยผู้มีฐานะดี  กลุ่มข้าราชการ  และกลุ่มนายทุน  ฯลฯ ส่วนเอกสาร หลักฐานที่จะนำมาประกอบในการตรวจสอบประกอบด้วย เอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดิน  ทะเบียนเกษตรกร  และการเสียภาษีของ  อทป. ฯลฯ คาดว่าน่าจะมีผู้ที่เข้าไปถือครองสร้างที่ทำกินในที่ดินดังกล่าวในก่อนหน้านี้ที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปถือครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน  ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป