ชาวนาเมืองแพร่เดินทางไปพบ “วรวัจน์” อดีต รมต.เพื่อขอความช่วยเหลือราคาข้าวเปลือกตกต่ำเหลือ ก.ก.ละ 6 บาท

***แพร่..ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประยูร กำยาน อดีต นายกเทศมนตรีตำบลปงป่าหวาย อ.เด่นชัย จ.แพร่ และนางมณฑา เทียนทอง ส.ทต.ปงป่าหวาย นำเกษตรกร ต.ปงป่าหวาย อ.เด่นชัย และ อ.สูงเม่น กว่า 80 คน เดินทางไปพบ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ที่บ้านใหญ่ ต.ทุ่งกวาว อ.เมืองแพร่แพร่ เมื่อวันที่ 23 ก.ย.64 เพื่อขอความช่วยเหลือราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำ เหลือ ก.ก.ละ 6 บาท ทำให้ชาวนาขาดทุนหนัก โดยมีเกษตรจังหวัดแพร่ พาณิชย์จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.จังหวัดแพร่ สภาเกษตรกร ร่วมปรึกษาหารือ กันในการช่วยเหลือเกษตรกร

***นายประยูร กล่าวว่า ที่มาวันนี้ เพื่อมาขอให้ ส.ส.วรวัจน์ ช่วยเกษตรกร ด้วย เพราะปัจจุบัน เกษตรกร เดือดร้อนอย่างหนักที่ราคาข้าวดิบ ถูกโรงสีรับซื้อใน ราคา กก.ละ 6 บาท ทำให้ชาวบ้านขาดทุน เพราะค่าปุ๋ย ค่ายา และต้นทุนการไถ หว่าน มีราคาสูง แม้ว่า รัฐบาลจะมีมาตรการ ประกันราคา ที่ตัน ละ 12,000 บาท แต่มีเงื่อนไขคือ ข้าวต้องมีความชื้น 15 % และช่วยเหลือจำนวน 16 ตัน/ครอบครัว

***ชาวบ้านไม่สามารถทำได้ เพราะชาวบ้านในจังหวัดแพร่ส่วนมากจะขายข้าวดิบ หากจะนำไปตากเพื่อไล่ความชื้นก่อนนำไปขาย ก็ไม่มีลานตาก หากจะเอาไปอบ ก็เสียค่าใช้จ่าย ตันละ 1 พันบาท ก็เป็นการเพิ่มต้นทุนให้เกษตรกรอีก วันนี้จึงได้ขอให้ ส.ส.วรวัจน์ ช่วยเหลือชาวบ้าน โดยการประสานรัฐบาลให้โรงสีข้าว รับซื้อข้าวเปลือกของเกษตรกรฤดูทำนาปีนี้ ในราคาข้าวดิบ กก.ละ 8-10 บาท เพื่อจะบรรเทาให้เกษตรกรอยู่ได้

***ต่อมา นายวรวัจน์ ออกมาแจ้งข่าวให้เกษตรกรทราบว่า เบื้องต้นในการแก้ปัญหาอย่างแรกคือจะประสานไปยังโรงสี ให้ซื้อในราคาอ้างอิง ถ้าสูงเกินไปก็จะให้รัฐบาลออกราคาส่วนต่าง จากการประกันราคาข้าว อันที่ 2 จะไปคุยกับกระทรวงว่าจะขอให้ใช้ตัวเลขของผลผลิตของแต่ละภาค ไม่ต้องวัดรวมทั่วประเทศ เพราะตัวเลขของ จ.แพร่ ผลผลิตข้าวต่อไรมีจำนวนมากกว่าภาคอีสาน ซึ่งขอไปปรึกษาทางกระทรวงว่าขอแยกเป็นภาคได้ไหม ในการตั้งราคาในการประกันราคาข้าว สุดท้าย คือ เพิ่มสภาพคล่องให้กับโรงสี ว่าหากทางโรงสีไม่มีสภาพคล่อง ทาง ธกส. จะสามารถช่วยเหลือเงินกู้ให้ทางโรงสี นำมาซื้อข้าว เกษตรกร ได้อย่างไร ซึ่งตนเองจะนำเรื่องนี้ประสานไปยังรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป

***หลังจากเกษตรกรที่รับทราบการช่วยเหลือในครั้งก็ได้เดินทางกกลับบ้าน แต่ว่า จะรอดูก่อนว่า หลังจากนี้จะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร  หากว่ามาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล ไม่ทันฤดูเก็บเกี่ยวปีนี้