update newsข่าวเกษตรข่าวเด่นข่าวในประเทศ

ชาวไทยกะเหรี่ยงทุ่งใหญ่นเรศวร ลงแขกเกี่ยวข้าว

***กาญจนบุรี..0ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เช้าวันนี้(28พ.ย.)ชาวบ้านสะเนพ่องกว่า 30 คนทั้งชายและหญิง ได้มาลงแรงเกี่ยวข้าวที่ไร่ของ นางมะลิ ไม่มีนามสกุล ซึ่งเลือกพื้นที่ทำไร่ในพื้นที่ป่า ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก ในฐานะเจ้าของไร่ เช้าวันนี้ นางมะลิ ได้เตรียมน้ำดื่ม กาแฟ และทำกับข้าว ซึ่งได้จากการเก็บผัก หลายชนิด ที่ปลูกไว้ในไร่ข้าว มาทำแกงไว้สำหรับเพื่อนบ้านทุกคน ที่มาช่วยเกี่ยวข้าว กิน ที่ขาดไม่ได้คือน้ำพริกกะเหรี่ยงของโปรดของทุกคน

***นายคาราบาว กล่าวว่า ชาวบ้านหมู่บ้านโจ่คีพื่อ เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นพื้นที่ห่างไกล ไม่มีร้านค้า ชาวบ้านที่นี่ทุกครอบครัวจึงปลูกข้าวไว้บริโภคกันเอง  โดยอาศัยองค์ความรู้ในเรื่องการทำไร่หมุนเวียนที่สั่งสมกันมา จากรุ่นสู่รุ่น ข้าวที่ชาวบ้านปลูก จะเป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ที่ได้จากการจัดเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้เอง หรือได้จากการแบ่งปันกันในชุมชน โดยที่ไม่ต้องไปซื้อหา  พันธุ์ข้าวที่เลือกเป็นพันธุ์ข้าวที่ใช้น้อย อาศัยเพียงน้ำฝนจากธรรมชาติเท่านั้น

***ส่วนพื้นที่ในการทำไร่ข้าวก็จะเลือกจากพื้นที่ป่ารอบๆหมู่บ้าน เพื่อสะดวกในการดูแลระหว่างการเพาะปลูก และใช้พื้นที่ไม่มาก โดยพื้นที่ที่เลือกทำไร่ข้าว จะต้องเป็นพื้นที่มีความลาดเอียง และเป็นพื้นที่ป่าไผ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม เนื่องจากพื้นที่ลักษณะดังกล่าวจะมีดินที่อุดมสมบูรณ์และเหมาะกับพันธุ์ข้าวที่มี  โดยอาศัยปุ๋ยที่ได้จากการเผาไม้ไผ่

***ขณะที่ความลาดเอียงของพื้นที่ไร่ จะช่วยทำให้วัชพืชในไร่ข้าวเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากน้ำฝนที่ตกลงมาจะพัดพาเมล็ดวัชพืชที่อยู่ในพื้นที่ไร่ ไหลไปกับน้ำลงไปยังพื้นที่ราบด้านล่าง ทั้งนี้การทำไร่ข้าวในระบบไร่หมุนเวียนของคนกะเหรี่ยง จะไม่มีการใช้ยาฆ่าหญ้าและสารเคมีใดๆ การกำจัดวัชพืชจะใช้วิถี การถอนหรือการใช้มีด จอบ ในการกำจัดวัชพืช ก่อนนำไปทิ้งไว้รอบๆไร่ จึงทำให้ไร่ข้าวของคนกะเหรี่ยง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญทำให้ชาวบ้านที่นี่ได้กินข้าวที่ปลอดสารเคมี ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของชาวบ้านที่นี่

***นอกจากในไร่จะปลูกข้าวแล้ว ชาวกะเหรี่ยงที่นี่ ยังนิยมปลูกผัก จำพวก เผือก ฟังเขียว ฟักทอง แตงไทย บวบ รวมทั้งพริกกะเหรี่ยงไว้ในไร่ข้าว เพื่อเก็บไว้กินและประกอบเป็นอาหารไว้ถวายพระ ในงานบุญต่างๆอีกด้วย ผลจากการไม่ใช้สารเคมี ทำให้ในไร่ข้าวของชาวกะเหรี่ยง จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสังเกตได้จากการพบแมลงต่างที่อยู่ในธรรมชาติ  รวมทั้งพันธุ์ไม้ในธรรมชาติ ที่ยังคงพบเห็นได้ในไร่ข้าวของชาวบ้านที่นี่ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการเก็บเกี่ยว  พื้นที่ไร่ข้าวก็จะถูกปล่อยทิ้งไว้ ให้ค่อยๆปรับสภาพกลับมาเป็นป่าในระยะเวลา3-4 ปีพื้นที่แห่งนี้ก็จะกลับมาเป็นพื้นที่ป่า เพื่อให้ชาวบ้านได้กลับมาทำไร่ปลูกข้าวไว้กินอีกครั้ง ตามวงรอบของการทำไร่ข้าว ในรูปแบบของไร่หมุนเวียน ที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศให้ไร่หมุนเวียนของชาวกะเหรี่ยง เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ  ตามมติคณะรัฐมนตรี 3 สิงหาคม 2553.