พ่อค้าแม่ค้าร้องโอ้ย ปิดด่านเจดีย์สามองค์นานนับเดือน

กาญจนบุรี..0 เมื่อวันที่ 5 พ.ย.นายวิทยา พงษ์อาจิณ ผู้จัดการ บ.ไทยอินเตอร์ฮอเนต เทรดดิ้ง บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เผยว่า ตนดำเนินธุรกิจส่งออกสินค้าอุปโภค บริโภค ไปยังประเทศเมียนมา รายใหญ่ที่สุดของ บ้านพระเจดีย์สามองค์ ปัจจุบัน ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในเมืองสำคัญๆของเมียนมา เช่น มูโด่ง มะละแหม่ง ตันบูชายัต ไปจนถึง นครย่างกุ้ง กว่าจะนำสินค้าของไทยไปจำหน่ายในเมืองเหล่านี้ ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี ในการสร้างความมั่นใจต่อคู่ค้าชาวเมียนมา จนทำให้มียอดการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้วยความโดดเด่นทั้งในเรื่องคุณภาพของสินค้า ราคาที่ผู้บริโภคชาวเมียนมารับได้ จึงไม่อยากที่จะทำให้ปัจจุบันสินค้าไทยจึงกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากชาวเมียนมา

นายวิทยา กล่าวอีกว่า การประกาศปิดด่านตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. จนมาถึงวันนี้ กำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจการส่งออกสินค้าของผู้ประกอบการชาวไทย ทำให้มีสินค้าที่รอการส่งออก ไปให้คู่ค้าชาวเมียนมา ตกค้างอยู่ในโกดังจำนวนมาก ที่สำคัญสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าอุปโภค บริโภค จำพวก น้ำมันพืช บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อต่างๆ อาหารกระป๋อง เครื่องปรุงรส มีกำหนดวันหมดอายุและสามารถเสื่อมคุณภาพได้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ขณะที่ยังไม่มีคำตอบว่าจะสามารถส่งออกได้วันไหน จะคืนบริษัท ผู้ผลิตก็ไม่ได้

อกจากนั้นยังมีสินค้าที่สั่งซื้อไว้ และทำการเก็บรักษาในโรงงาน ซึ่งวันนี้ผู้ผลิตเร่งให้มาทำการขนย้ายออกจากโกดังของบริษัทผู้ผลิตอีกจำนวนมากมูลค่ารวมหลายสิบล้าน หากไม่มีการช่วยเหลือจากภาครัฐ ผู้ประกอบบางรายอาจต้องถึงกับหมดตัวในวิกฤติครั้งนี้ จึงอยากขอความเห็นใจจากผู้มีอำนาจให้เข้ามามาช่วยเหลือเยียวยา ผู้ประกอบการ ให้สามารถระบายสินค้าออกไปให้ถึงมือลูกค้าได้ เพื่อลดความความสูญเสีย อาจมีมาตรการผ่อนปรนให้สามารถส่งออก-นำเข้า โดยผ่านมาตรการการตรวจสอบของภาครัฐ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็ยังดี เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้ เพราะไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ว่าวิกฤติโควิต-19 ในครั้งนี้ จะยาวนานแค่ไหน

หากหน่วยงานรัฐต้องการการสนับสนุน อุปกรณ์ในการป้องกัน ผู้ประกอบการก็พร้อมให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ ที่สำคัญหากมีการผ่อนผันก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ที่สำคัญหากไม่มีการแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการ ลูกค้าชาวเมียนมาจะหันไปสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการรายอื่น ก็จะเป็นการทำให้เสียโอกาส ของผู้ประกอบการในพื้นที่ เนื่องกว่าจะเจรจาจนเกิดการค้าขายระหว่างกันต้องใช้เวลานับ10ปี

ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมียนมาเองได้พัฒนาเส้นทางการค้าชายแดนจากเมืองตันบูชายัต เป็นเมืองท่าที่สำคัญ ที่เชื่อมเมืองย่างกุ้งเข้ากับเมืองสำคัญในรัฐมอญและกะเหรี่ยงเข้ากับชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ ในพื้นที่กิ่ง อ.พยาตองซู  อ.ซาเอ็งเซ็กจี จ.กอกะเร็ก รัฐกะเหรี่ยง

ถูกกำหนดให้เป็นเมืองยุทธศาสตร์การค้าชายแดน ที่สำคัญอีกเมียนมา-ไทย  ด้วยระยะทางเพียง 172 กม. จากชายแดนด่านเจดีย์สามองค์-เมืองมะละแหม่ง เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญในรัฐมอญ และ 473 กม.จากชายแดนด่านเจดีย์สามองค์-เมืองย่างกุ้ง (เมืองหลวงประเทศเมียนมา) จึงนับได้ว่า ช่องทางการค้าชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ เป็นช่องทางที่นักธุรกิจเมียนมาและรัฐบาลเมียนมา เล็งเห็นว่าเป็นช่องทางการค้าที่มีศักยภาพมากที่สุดในห้วงเวลานี้..

ด้านนายอุดม  อินสุวรรณ์ ปธ หอการค้า พยาตองซู และผู้ประสานงารนชายแดนไทย-เมียนมา กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการชาวเมียนมาเองก็มีการเตรียมความพร้อม ที่จะทำการค้ากับผู้ประกอบการไทย ล่าสุดได้มีการพูดคุยและหารือกันระหว่างผู้ประกอบการทั้ง 2 ฝ่ายเสมอมา และมีความเห็นร่วมกันที่อยากให้รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ ไดมีการหารือกันอย่างจริงจริงและช่วยกันผลักดันให้ ด่านพระเจดีย์สามองค์ เป็นจุดผ่านแดนถาวร หรือเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าหรือการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดกับประชาชนของทั้งไทยและเมียนมาเอง

โดยล่าสุดเจ้าหน้าทีในระดับท้องถิ่นของทั้งไทยและเมียนมามีการหารือกันบริเวณชายแดน โดยล่าสุดทางเมียนมาเตรียมพัฒนาเส้นทาง โดยมีโครงการปรับปรุงเส้นทางเป็นถนนคอนกรีตจากชุมชนพยาตองซู มาสิ้นสุดบริเวณชายแดนหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ของเมียนมา เพื่อรองรับการเปิดหากทางรัฐบาลเห็นด้วย ขณะที่นายปกรณ์ กรรณวัลลี เตรียมปรับปรุงพื้นผิวการจราจร บริเวณหน้าด่านจุดผ่อนปรนทางการท่องเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อเตรียมความพร้อม โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นตรงการที่จะกลับมาเปิดให้มีการเข้าออกของสินค้าและประชาชน ของทั้ง2 ประเทศในบริเวณนี้ เหมือนในอดีตที่เคยปฏิบัติก่อนปี 2550 ที่ผ่านมา

ด้านนายสง่า จงเพิ่มดำรงชัย หน. ฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ศุลกากรสังขละบุรี เผยกับผู้สื่อข่าวว่า เฉพาะการส่งออกสินค้าในช่องทางจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นในทิศทางที่ดี แม้จะประสบสบปัญหาวิกฤคิโควิต-19 มูลค่าการส่งออก ยังอยู่ในขั้นที่ดีอยู่ โดยพบว่าในปีงบประมาณ 2563  มูลค่าสินค้านำเข้า อยู่ที่ 69.69 ล้านบาท ส่วนสินค้าขาออก มีมูลค่า 322.96 ล้านบาท การนำเข้าและส่งออกมีมูลราคา เมื่อเปรียบเทียบกับปี ที่แล้วกับปีนี้ใกล้เคียงกัน โดยปี 2562 สินค้าเข้า 72 .25 ล้านบาท สินค้าขาออก 354.91 ล้านบาท

โดยสินค้าที่ไทยส่งออกจะเป็น สินค้าประเภท สินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน หากในปีนี้ถ้าไม่มีปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด มูลค่าการค้าระหว่างไทย-เมียนมา ผ่านช่องทางจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ มีแนวโน้มที่สูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน..