อบต.คูซอดเชิญคู่พิพาทกรณีปักเสารั้วปิดทางลงแพ มาเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ฝ่ายถูกร้องไม่ยอมมาไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายจึงไปแจ้งความตำรวจและศูนย์ดำรงธรรม
*****ศรีสะเกษ..ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.65 ที่สะพานบ้านแก้ง ลำน้ำมูล ต.คูซอด อ.เมืองศรีสะเกษ นางสำอางค์ สุดใจ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65หมู่ 18 ต.หนองหมี อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ พร้อมสามี และลูกหลานเดินทางมาลงพื้นที่เพื่อพบและเจรจาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีที่ปักเสารั้วปิดทางลงแพ เพื่อหาทางออกในเรื่องที่พิพาทกันอยู่ ตามหนังสือเชิญของ อบต.คูซอด แต่ฝ่ายที่ปักเสารั้วปิดทางลงแพไม่ได้มาพบเพื่อไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด นางสำอางค์ จึงเดินทางไปพบนาย ไพโรจน์ โนนใหญ่ รอง นายก อบต.คูซอด เพื่อหารือหาทางออกในเรื่องดังกล่าว ก่อนที่จะไปแจ้งความตำรวจให้ดำเนินคดีกับผู้ปักเสารั้วปิดทางและไปร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วยเหลือ
*****นายไพโรจน์ โนนใหญ่ รอง นายก อบต.คูซอด กล่าวว่า กรณีที่มีข้อพิพาทที่แพบ้านแก้งลำน้ำมูล โดยมีฝ่ายหนึ่งได้ปักเสารั้วปิดกั้นทางขึ้นลงแพของอีกฝ่ายหนี่งนั้น วันนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลคูซอดได้เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจาร่วมไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกร่วมกันตามที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคูซอดได้ชี้แจงไปแล้ว แต่วันนี้ ทางฝ่ายผู้ร้องได้เดินทางมาที่ อบต.คูซอด เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย แต่อีกฝ่ายคือฝ่ายที่ปักเสาล้อมรั้วไม่ยินยอมที่จะไกล่เกลี่ย ทำให้ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ ดังนั้น หลังจากนี้ ทาง อบต.คูซอดก็จะได้มีคำสั่งให้ฝ่ายที่ปักเสาล้อมรั้วได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเสารั้วออกจากพื้นที่ หลังจากนั้นทาง อบต.คูซอดจะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ 
*****ด้าน นางสำอางค์ สุดใจ กล่าวว่า ตนได้รับความเดือดร้อน ถูกปักเสารั้วปิดทางขึ้นลงแพขายอาหาร วันนี้ ทาง อบต.คูซอดได้นัดให้มาเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ฝ่ายคู่กรณีที่มาปักเสาปิดทางขึ้นลงแพไม่มาไกล่เกลี่ย ตนจึงได้มาแจ้งความตำรวจขอให้ดำเนินคดีที่ทำให้ตนได้รับความเสียหายไม่สามารถเปิดแพขายอาหารได้ และไปร้องศูนย์ดำรงธรรมขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้ตนได้กลับมาเปิดขายอาหารให้บริการนักท่องเที่ยวได้เหมือนเดิมต่อไป.
